วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อันดับ 10 ชายหาดที่สวยที่สุดในเอเชีย


 
      ภาพถ่ายของ White Beach, โบราเคย์

ภาพของ White Beachนี้ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก TripAdvisor

      อันดับที่ 1
 White Beach โบราเคย์, ฟิลิปปินส์ : ชายหาดทรายขาวสวยน่าตื่นตะลึง น้ำทะเลอุ่นใสแจ๋วทำให้เรานอนเล่นได้สบายๆ ทั้งวัน ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: ธันวาคม – พฤษภาคม
      รูปภาพของ Agonda Beach, Agonda

ภาพของ Agonda Beachนี้ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก TripAdvisor

     อันดับที่ 2
 Agonda Beach Agonda, อินเดีย : ชายหาดที่เงียบสงบ ห่างจากย่านที่คนพลุกพล่าน เหมาะสำหรับการนั่งสมาธิ ไหว้พระอาทิตย์ หรืออ่านหนังสือ ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: พฤศจิกายน – เมษายน
      ภาพถ่ายของ หาดไร่เล, Railay Beach

ภาพของ หาดไร่เลนี้ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก TripAdvisor
      อันดับที่ 3 หาดไร่เลย์ (Railay Beach) อ่าวนาง กระบี่, ไทย : สนุกกันให้เต็มที่กับทริปแสนประทับใจ ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: ตลอดปี 

      ภาพถ่ายของ Radhanagar Beach, Havelock Island

ภาพของ Radhanagar Beachนี้ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก TripAdvisor

     อันดับที่ 4 
Radhanagar Beach Havelock Island, อินเดีย : ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: พฤศจิกายน – เมษายน
     ภาพถ่ายของ หาดพระนาง, อ่าวนาง

ภาพของ หาดพระนางนี้ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก TripAdvisor 

     อันดับที่ 5 
หาดพระนาง อ่าวนาง, ไทย : เหมาะสำหรับว่ายน้ำหรือผ่อนคลายจริงๆ ผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยอีกระดับสามารถไต่หน้าผาไปชมวิวที่สวยงามหรือทะเลสาบได้ ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: ตลอดปี
      ภาพถ่ายของ Nai Harn Beach, กะรน

ภาพของ Nai Harn Beachนี้ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก TripAdvisor

     อันดับที่ 6
 หาดในหาน (Nai Harn Beach) กะรน, ไทย : เงียบสงบ สบายเหมาะกับการพักผ่อนแท้จริง ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: ตลอดปี
      รูปภาพของ Cavelossim Beach, เมือง Cavelossim

ภาพของ Cavelossim Beachนี้ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก TripAdvisor

     อันดับที่ 7
 Cavelossim Beach เมือง Cavelossim, อินเดีย : ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: พฤศจิกายน – เมษายน
      รูปภาพของ Otres Beach, สีหนุวิลล์

ภาพของ Otres Beachนี้ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก TripAdvisor

     อันดับที่ 8
 Otres Beach สีหนุวิลล์, กัมพูชา : ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: พฤศจิกายน – มีนาคม
      ภาพถ่ายของ Secret Lagoon Beach, El Nido

ภาพของ Secret Lagoon Beachนี้ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก TripAdvisor

      อันดับที่ 9
 Secret Lagoon Beach El Nido, ฟิลิปปินส์ : ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: ธันวาคม – พฤษภาคม

ภาพถ่ายของ Yapak Beach (Puka Shell Beach), โบราเคย์
ภาพของ Yapak Beach (Puka Shell Beach)นี้ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก TripAdvisor

      อันดับที่ 10
 Yapak Beach (Puka Shell Beach) โบราเคย์, ฟิลิปปินส์ : ช่วงที่ดีที่สุดที่ควรไป: ธันวาคม – พฤษภาคม

   

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำบาเก็ตต์ (Quick Baguette)



บาเก็ตต์ (Quick Baguette)
ส่วนผสม ก.
  1. แป้งขนมปัง 100 กรัม
  2. ยีสต์สด 15 กรัม (ยีสต์แห้ง 5 กรัม)
  3. น้ำอุ่น 100 กรัม
ใส่ยีสต์ในน้ำอุ่นแล้วคนให้ยีสต์ละลายหมด ใส่แป้งในชามผสมใบใหญ่ เทน้ำที่ละลายยีสต์ไว้ลงไป ใช้เครื่องตีหัวเกลียวคนๆ ให้แป้งเข้ากับน้ำก่อนนวดความเร็วสูงประมาณ 1 นาที ใช้ผ้าคลุมอ่างพักไว้ 30 นาทีค่ะ
ส่วนผสม ข.
  1. แป้งขนมปัง 200 กรัม
  2. น้ำอุ่น 50 กรัม
  3. วิปปิ้งครีม/เฮฟวี่ครีม 30 กรัม
  4. น้ำตาลทราย 10 กรัม
  5. เกลือป่น 6 กรัม
เมื่อพักแป้ง ก. ครบเวลาแล้วก็ใส่ส่วนผสม ข. ทั้งหมดในอ่างแป้งที่นวดไว้ จัดการนวดส่วนผสมทุกอย่างรวมกันจนแป้งเนียนมือ และหลุดจากขอบอ่างอย่างง่ายดาย เสร็จแล้วก็รวบแป้งเป็นก้อนกลม คลุมผ้าพักไว้ในที่อุ่น 30 นาที เมื่อครบเวลาแล้วก็นำมาคลึงไล่ลมให้ทั่วก่อนรวบเป็นก้อนกลม พักต่ออีก 30 นาทีค่ะ
มื่อพักแป้งรอบที่สองครบ 30 นาทีแล้วก็แบ่งแป้งเป็นสองก้อนโดยไม่ต้องคลึงไล่ลม นำแป้งมาแผ่นเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า พับหัวท้ายเข้าหากัน ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างกดตรงกลางให้แน่นแล้วพับทบกันอีกที บีบริมแป้งให้ติดกันดีแล้วจับคว่ำนำด้านรอยต่อไว้ด้านล่าง พักไว้ประมาณ 20 นาทีเพื่อให้แป้งยืดหยุ่นดีค่ะ
เมื่อครบ 20 นาทีแล้วก็นำแป้งมาแผ่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า พับหัวท้าย แล้วทบกันอีกครั้ง คลึงให้ได้ความยาวที่ต้องการแล้ววางโดว์บนพิมพ์บาเก็ตต์หรือหากไม่มีพิมพ์ก็วางบนถาดอบที่มีรูหรือถาดอบธรรมดาที่ทาเนยบางๆ ก็ได้ค่ะ (หากต้องการดูภาพวิธีทำที่ชัดเจนรบกวนคลิกที่ภาพนะคะ พอดีเราลืมฝากรูปไว้ที่โฮสต์ โหลดจากบล็อกแทนเลย รูปหน้าบล็อกจึงไม่ค่อยชัดค่ะ)

เมื่อวางแป้งบนพิมพ์แล้ว ใช้ผ้าคลุมไว้กันลม พักให้ขึ้นอีก 30-45 นาทีหรือจนกว่าแป้งจะขึ้นประมาณเท่าครึ่ง จากนั้นก็อุ่นเตาอบไว้ที่ 250 องศาเซลเซียส ระหว่างอุ่นเตาอบก็หามีดคมๆ มากรีดแป้งเป็น 4 รอย เสร็จแล้วก็ใช้แปรงนุ่มๆ จุ่มน้ำทาผิวโดว์ให้ทั่ว หรือใช้สเปรย์ฉีดน้ำทั่วๆ โดว์แทนก็ได้ค่ะ
ระหว่างนั้นก็ต้มน้ำประมาณ 250 มล. ให้เดือด เมื่อเตาอบร้อนได้ที่ก็นำถาดอบเข้าวางบนชั้นกลางของเตาอบ เทน้ำร้อนใส่ชามทนไฟวางไว้บนพื้นเตาอบแล้วฝาเตาอบทันที อบไฟ 250 องศาเซลเซียสประมาณ 8 นาที แล้วลดไฟเหลือ 190 องศาเซลเซียส อบต่ออีก 20 นาทีจนขนมสุกมีสีเหลืองทองค่ะ
เมื่อบาเก็ตต์สุกดีแล้วก็นำแปรงชุบน้ำทาผิวบาเก็ตต์ให้ทั่วเพื่อความเงางามก่อนนำถาดอบออกจากเตาอบค่ะ จากนั้นวางขนมไว้บนตะแกรงพักให้เย็น ถึงตอนนี้ก็ได้เวลาอร่อยของเราแล้วค่ะ ใครจะทำเป็นแซนด์วิช จะกินคู่กับไส้กรอก ชีส ซาลามี่ จะดัดแปลงเป็นขนมปังพิซซ่า หรือขนมปังกระเทียมก็ตามสะดวกเลยค่ะ

ใหม่ที่อบเมื่อวานค่ะ หน้าแตกมากขึ้นกว่าครั้งแรกแต่ก็ยังไม่กระจุยกระจายอย่างที่ต้องการ รูปไม่ควรสวยเพราะถ่ายตอนแสงหมดแล้ว ต้องพึ่งแสงไฟนีออนสีก็เลยแปร๋นอย่างที่เห็น พยายามปรับยังไงก็ไม่สำเร็จค่ะ ไว้ถ้าได้ทำใหม่อีกรอบจะเอารูปมาเปลี่ยนนะคะ



8 สิ่งที่น่ารู้เกี่ยวกับประเทศฝรั่งเศส

ฝรั่งเศสไม่นิยมการให้ทิป    
เด็กดีดอทคอม :: 8 สิ่งเล็กๆ (น่ารู้) ที่เรียกว่า "ประเทศฝรั่งเศส"
          ถ้าน้องๆ คนไหนที่คิดจะไปเรียนที่ฝรั่งเศสและทำงานพิเศษโดยหวังจะได้ทิปเยอะๆ นั้น ขอบอกว่าเป็นเรื่องยากเลยค่ะ เพราะที่ฝรั่งเศสเค้าไม่นิยมให้ทิปกัน (บางคนมองว่าเป็นเรื่องแปลกด้วยซ้ำ) ค่าบริการต่างๆ ถูกรวมไว้ในบิลแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องให้ทิปเพิ่ม แต่ถ้าพนักงานบริการดีมากๆๆๆๆๆ อาจจะได้ทิปเล็กๆ น้อยๆ ซัก 1-2 ยูโรก็ได้

ต้นกำเนิดของเครป    
เด็กดีดอทคอม :: 8 สิ่งเล็กๆ (น่ารู้) ที่เรียกว่า "ประเทศฝรั่งเศส"
          "เครป" เป็นของหวาน (หรือคาว?) เมนูโปรดของน้องๆ หลายคน แต่รู้มั้ยว่า ต้นกำเนิดที่แท้จริงของเครปเกิดที่ฝรั่งเศสนี่แหละค่ะ หลายๆ คนมักเข้าใจผิดว่าเครปมีต้นกำเนิดที่ญี่ปุ่น เพราะตามร้านต่างๆ มักติดป้ายว่า "เครปญี่ปุ่น" 5555 โดยเมืองที่เป็นต้นกำเนิดแบบอิริจินัลแท้ๆ อยู่ที่แคว้นชื่อ"Bretagne" เป็นแคว้นทางตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส โดยในอดีตนั้น คนฝรั่งเศสจะนิยมทานเครปกับน้ำผลไม้ค่ะ แต่ปัจจุบันนิยมทานกับผลไม้สดไม่ก็ช็อกโกแล็ต

ร้านขายยาที่ขาย "ยา"    
เด็กดีดอทคอม :: 8 สิ่งเล็กๆ (น่ารู้) ที่เรียกว่า "ประเทศฝรั่งเศส"
          ถ้าให้ลองนึกภาพร้านขายยาในปัจจุบัน นอกจากจะขายยาแล้ว แทบทุกร้านก็ยังมีขายเครื่องดื่ม หรือบางร้านใหญ่ๆ ก็มีเครื่องสำอาง มาสคาร่า หรือของใช้อื่นๆ ทิชชู่ หวี กระจก สารพัดจะหามาขาย แต่ร้านขายยาในฝรั่งเศสนั้นจะขายเฉพาะ "ยา" เท่านั้นค่ะ ซึ่งร้านขายยานั้นสามารถหาได้ง่ายตามมุมถนนทั่วไป เพราะคนฝรั่งเศสเค้าจริงจังเรื่องสุขภาพและการใช้ยามากกกก เคยมีการสำรวจพบว่า คนฝรั่งเศสเป็นชาติที่เสียเงินใช้จ่ายในการซื้อยามากที่สุดในยุโรป

จริงจังเรื่องสุขภาพ    
เด็กดีดอทคอม :: 8 สิ่งเล็กๆ (น่ารู้) ที่เรียกว่า "ประเทศฝรั่งเศส"
          องค์การอนามัยโลก (WHO) เคยจัดอันดับให้ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีระบบดูแลสุขภาพประชาชนที่เยี่ยมที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง โดยวัดได้จากการที่ฝรั่งเศสมีอัตราผู้เสียชีวิตจากโรคร้ายที่ต่ำมาก สาเหตุก็มาจากว่า ทุกคนมีประกันสุขภาพ และประกันสุขภาพนี้จะจ่ายทดแทนให้ได้หมดแทบไม่มีข้อยกเว้น ป่วยเมื่อไหร่ประกันจ่ายให้หมด 100% หรือแม้แต่ชาวต่างชาติที่เข้าไปในอาศัยในประเทศฝรั่งเศสก็ต้องมีประกันสุขภาพด้วยเช่นกัน โดยราคาของประกันสุขภาพอยู่ที่ประมาณ 200-500 ยูโรหรือประมาณ 8,000-20,000 บาทต่อปีค่ะ

จำนวนนักท่องเที่ยว    
เด็กดีดอทคอม :: 8 สิ่งเล็กๆ (น่ารู้) ที่เรียกว่า "ประเทศฝรั่งเศส"
          ประเทศฝรั่งเศสมีประชากรจำนวน 64 ล้านคนซึ่งไม่แตกต่างจากประเทศไทยบ้านเรานัก แต่!!!!!! ประเทศฝรั่งเศสมีนักท่องเที่ยวมาเยือนปีละ 70 กว่าล้านคน ถือว่ามากกว่าจำนวนพลเมืองในประเทศด้วยซ้ำ สุดยอดเลยเนาะ นอกจากนี้ ยังถือเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุดของปี 2011 (ใน 10 อันดับมีเอเชีย 3 ประเทศคือ จีน ตุรกี และมาเลเซีย)

ภาษีโทรทัศน์    
เด็กดีดอทคอม :: 8 สิ่งเล็กๆ (น่ารู้) ที่เรียกว่า "ประเทศฝรั่งเศส"
         น่าแปลกดีเหมือนกันที่ใครมีโทรทัศน์ ต้องเสียภาษีโทรทัศน์ด้วย!! โดยตกประมาณ 200 ยูโรหรือ 8,000 บาทต่อปี ภาษีเหล่านี้ทางรัฐบาลจะนำไปปรับปรุงรายการโทรทัศน์ให้มีคุณภาพมากขึ้น และที่สำคัญคือมีโฆษณาคั่นรายการน้อยมากกกกค่ะ เพราะรัฐบาลฝรั่งเศสไม่ต้องการให้ประชาชนถูกโฆษณาเหล่านั้นมอมเมา (พูดง่ายๆ คือปกติรายการทีวีต้องมีโฆษณาเข้า ถึงจะมีรายได้ แต่รายการทีวีของฝรั่งเศสไม่มีรายได้จากโฆษณา เลยต้องเก็บเป็นภาษีแทน) แต่จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่ฝรั่งเศสนะคะที่มีการเก็บภาษีโทรทัศน์ เพราะประเทศอื่นๆ ในยุโรป เช่น เยอรมัน เดนมาร์ค ออสเตรีย เค้าก็มีเก็บเหมือนกันแถมแพงกว่าที่ฝรั่งเศสด้วย

ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า    
เด็กดีดอทคอม :: 8 สิ่งเล็กๆ (น่ารู้) ที่เรียกว่า "ประเทศฝรั่งเศส"
          เราคงคุ้นเคยกับประโยคที่ว่า The customer is always right. คือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงลูกค้าก็คือพระเจ้าและถูกอยู่เสมอ แต่ไม่ใช่ที่ฝรั่งเศสค่ะ ! ว่ากันว่าวิถีการให้บริการของคนที่นั่นค่อนข้างแข็งๆ ทื่อๆ ไม่ค่อยแคร์ลูกค้า เคยมีคนกล่าวไว้ว่า เวลาเปิดร้านค้าในฝรั่งเศสขึ้นอยู่กับอารมณ์คนขาย ไม่ได้จะแคร์ลูกค้า 555

เจ้าแห่งรางวัลโนเบล    
เด็กดีดอทคอม :: 8 สิ่งเล็กๆ (น่ารู้) ที่เรียกว่า "ประเทศฝรั่งเศส"
          ชาวฝรั่งเศสเป็นชาติที่โรแมนติก ดังนั้นที่นี่จึงเป็นบ้านเกิดของกวีและนักเขียนชื่อดังมากมาย ที่สำคัญ ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ได้รับรางวัลโนเบลในสาขาวรรณกรรมมากที่สุดของโลกด้วยค่ะ โดยนักเขียนที่เคยได้รับรางวัลนี้ก็เช่น J. M. G. Le Clézio หรือ ฌ็อง มารี กุสตาฟว์ เลอ เกลซีโย เป็นนักเขียนและนักเดินทางรอบโลกชาวฝรั่งเศส มีผลงานเขียนกว่า 40 เรื่อง จนได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมเมื่อปี 2008 ที่ผ่านมาค่ะ


วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

10 ภาษาที่เรียนรู้ยากที่สุดในโลก


อันดับที่ 10 Swahili

ภาษา สวาฮีลี (หรือ คิสวาฮีลี) เป็นภาษากลุ่มแบนตูที่พูดอย่างกว้างขวางในแอฟริกาตะวันออก ไม่ว่าจะเป็น แทนซาเนีย เคนยา ยูกันดา รวันดา บุรุนดี คองโก-กินชาซา โซมาเลีย คอโมโรส (รวมมายอต) โมซัมบิก และมาลาวี ภาษาสวาฮีลีเป็นภาษาแม่ของ ชาวสวาฮีลี ซึ่งอาศัยอยู่แถบชายฝั่งของแอฟริกาตะวันออกระหว่างประเทศโซมาเลียตอนใต้ ประเทศโมแซมบิกตอนเหนือ มีคนพูดเป็นภาษาแม่ประมาณ 5 ล้านคนและคนพูดเป็นภาษาที่สองประมาณ 30-50 ล้านคน ภาษาสวาฮีลีได้กลายเป็นภาษาที่ใช้โดยทั่วไปในแอฟริกาตะวันออกและพื้นที่รอบ ๆ ว่ากันว่า การเรียนภาษาสวาฮิลีเป็นสิ่งท้าทายที่สุด

อันดับที่ 9  English
ภาษา อังกฤษ เป็นภาษาตระกูลเจอร์เมนิกตะวันตก มีต้นตระกูลมาจากอังกฤษ เป็นภาษาที่มีคนพูดเป็นภาษาแรกมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ภาษาอังกฤษถือเป็นภาษากลาง (lingua franca) เนื่อง จากอิทธิพลทางทหาร เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ การเมือง และวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่นักศึกษาทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เพราะว่าภาษาอังกฤษนั้นได้เข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งต่อผู้คนในหลากหลายอาชีพ ซึ่งบางอาชีพต้องการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านภาษาอังกฤษมาช่วยประสานงาน ทำให้งานทุกอย่างนั้นง่ายราบรื่นและสำเร็จลงไปได้ด้วยดี สาเหตุที่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ยากโดยรวมเนื่องจาก เป็นภาษาที่ใช้อักษรละตินเป็นอักษรหลักในการเขียน และการสะกดคำหลายคำจะไม่ตรงกับการอ่านออกเสียง ซึ่งทำให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ยากภาษาหนึ่งในการเรียน
อันดับที่ 8  Korean

ภาษา เกาหลี เป็นภาษาที่ส่วนใหญ่พูดใน ประเทศเกาหลีใต้ และ ประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งใช้เป็นภาษาราชการ และมีคนชนเผ่าเกาหลีที่อาศัยอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนพูดโดยทั่วไป(ใน จังหวัดเหยียนเปียน มณฑลจื๋อหลิน ซึ่งมีพรมแดนติดกับเกาหลี) ทั่วโลกมีคนพูดภาษาเกาหลี 78 ล้านคน รวมถึงกลุ่มคนในอดีตสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา แคนาดา บราซิล ญี่ปุ่น และเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีผู้พูดใน ฟิลิปปินส์ ด้วย การจัดตระกูลของภาษาเกาหลีไม่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป แต่คนส่วนมากมักจะถือเป็นภาษาเอกเทศ นักภาษาศาสตร์บางคนได้จัดกลุ่มให้อยู่ใน ภาษาตระกูลอัลไตอิกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากภาษาเกาหลีมีวจีวิภาคแบบภาษาคำติดต่อ ส่วนวากยสัมพันธ์หรือโครงสร้างประโยคนั้น เป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา (SOV) แม้ว่าภาษาเกาหลีจะมีตัวอักษร กับสระเพียงไม่กี่ตัวที่ต้องจำ(อักษร 19 + สระ 21) หากแต่ว่าไวยกรณ์ของเกาหลียากมาก ต้องจำกฎสารพัด กว่าจะเข้าใจและสามารถเขียนและอ่านได้

อันดับที่ 7  German
ภาษาเยอรมัน หรือด๊อยช์ เป็นภาษากลุ่มเจอร์เมนิกด้านตะวันตก และเป็นภาษาที่มีคนพูดเป็นภาษาแม่มากที่สุดในสหภาพยุโรป ส่วนใหญ่พูดในประเทศเยอรมนี ออสเตรีย ลิกเตนสไตน์ ส่วนมากของสวิตเซอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก แคว้นปกครองตนเองเตรนตีโน-อัลโตอาดีเจในอิตาลี แคว้นทางตะวันออกของเบลเยียม บางส่วนของโรมาเนีย แคว้นอัลซาซและบางส่วนของแคว้นลอร์แรนใน ฝรั่งเศส นอกจากนี้ อาณานิคมเดิมของประเทศเหล่านี้ เช่น นามิเบีย มีประชากรที่พูดภาษาเยอรมันได้พอประมาณ และยังมีชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษาเยอรมันในหลายประเทศทางยุโรปตะวันออก เช่น รัสเซีย ฮังการี และสโลวีเนีย รวมถึงอเมริกาเหนือ (โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา) รวมถึงบางประเทศในละตินอเมริกา เช่น อาร์เจนตินา และในบราซิล ภาษาเยอรมัน จะว่ายาก..มันก็ยาก เพราะมีการแบ่งเพศในคำนามสิ่งของที่มีอยู่ในโลกนี้ 3 เพศ เช่น เวลา หรือ นาฬิกา นั้นเป็นเพศหญิง เครื่องดื่มที่เป็นแอลกฮอลล์ทุกชนิด ยกเว้นเบียร์ ถือว่าเป็นเพศกลาง เป็นต้น(มันคิดได้ไงว่ะเนี้ย) นอกจากนี้ยังยากตรงไวยากรณ์ เพราะมีข้อยกเว้นมาก และยากที่จะพูดให้คล่องโดยถูกหลักไวยากรณ์ เพราะคำกริยาบางทีก็อยู่ข้างหลังประโยค นอกจากนี้คำกริยาและคุณศัพท์ยังต้องผันตามเพศของคำนามอีก

อันดับที่ 6  Russian
ภาษา รัสเซีย เป็นภาษากลุ่มสลาวิกที่ใช้เป็นภาษาพูดอย่างกว้างขวางที่สุด ภาษารัสเซียจัดอยู่ในกลุ่มอินโด-ยูโรเปียน ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์กับภาษาสันสกฤต ภาษากรีก และภาษาละติน รวมไปถึงภาษาในกลุ่มเจอร์เมนิก โรมานซ์ และเคลติก (หรือเซลติก) ยุคใหม่ ตัวอย่างของภาษาทั้งสามกลุ่มนี้ได้แก่ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาไอริชตามลำดับ ส่วนภาษาเขียนนั้นมีหลักฐานยืนยันปรากฏอยู่เริ่มจากคริสต์ศตวรรษที่ 10ในปัจจุบัน ภาษารัสเซียเป็นภาษาที่มีการใช้นอกประเทศรัสเซียด้วย มีเอกสารทางวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งตีพิมพ์เป็นภาษารัสเซีย รวมทั้งความรู้ในระดับมหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่ง ภาษารัสเซียเป็นภาษาที่มีความสำคัญทางการเมืองในยุคที่สหภาพโซเวียตเรือง อำนาจและยังเป็นภาษาราชการภาษาหนึ่งของสหประชาชาติ และเป็นหนึ่งในภาษาที่ยากต่อการทำความเข้าใจ สับสน วุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นเขียนหรือการอ่านออกเสียง

อันดับที่ 5  Japanese
ภาษา ญี่ปุ่น เป็นภาษาทางการ ของประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันมีผู้ใช้ทั่วโลกราว 130 ล้านคน นอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว รัฐอังกาอูร์ สาธารณรัฐปาเลา ได้กำหนดให้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาทางการภาษาหนึ่ง นอกจากนี้ภาษาญี่ปุ่นยังถูกใช้ในหมู่ชาวญี่ปุ่นที่ย้ายไปอยู่นอกประเทศ นักวิจัยญี่ปุ่น และนักธุรกิจต่าง ๆ คำภาษาญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลมาจากภาษาต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาษาจีน ที่ได้นำมาเผยแพร่มาในประเทศญี่ปุ่นเมื่อกว่า 1,500 ปีที่แล้ว และตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ก็ได้มีการยืมคำจากภาษาต่างประเทศที่ไม่ใช่ภาษาจีนมาใช้อีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะภาษากลุ่มอินโด-ยูโรเปียน เช่นคำที่มาจากภาษาดัตช์ สาเหตุที่ภาษานี้มีความยากจนเรียกได้ว่าถึงขั้นพิสดารอันเนื่องมาจากคน ญี่ปุ่นเป็นชาติที่มีพิธีรีตองมาก ดังนั้นคำภาษาญี่ปุ่นจึงอักษรถึง3แบบ แบ่งคำศัพท์สำหรับใช้กับเพื่อน คนในครอบครัว อาจารย์เป็นต้น บางตัวไม่สามารถอธิบายได้ต้องจำเอาเอง ถือว่าเป็นภาษาที่ละเอียดอ่อนและมีความซับซ้อน ยิ่งเป็นอักษรคันจิยิ่งไปใหญ่ ขนาดคนญี่ปุ่นด้วยกันเองก็แทบแย่เหมือนกัน

อันดับที่ 4  Polish
ภาษาโปแลนด์ คือภาษาทางการของประเทศโปแลนด์ มีต้นกำเนิดมาจากพื้นที่ของโปแลนด์ ในปัจจุบันจากภาษาท้องถิ่นต่างๆ โดยเฉพาะที่พูดใน Greater Poland และ Lesser Poland ภาษาโปแลนด์เคยเป็นภาษากลาง ในพื้นที่ต่างๆ ของยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก เนื่องจากอิทธิพลทางการเมือง วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และการทหารของเครือจักรภพโปแลนด์-ลิทัวเนีย ในปัจจุบันภาษาโปแลนด์ไม่ได้ใช้กันกว้างขวางเช่นนี้ เนื่องจากอิทธิพลของภาษารัสเซีย อย่างไรก็ดี ยังมีคนพูดหรือเข้าใจภาษาโปแลนด์ในพื้นที่ชายแดนทางตะวันตกของยูเครน เบลารุส และลิทัวเนีย เป็นภาษาที่สองและคนอพยพจากประเทศโปแลนด์ที่อาศัยในพื้นที่ในประเทศต่างๆ เช่น ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อิสราเอล บราซิล แคนาดา สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น ส่วนความยากนักคงเป็นที่ตัวอักษรที่ยากต่อความเข้าใจและการนำไปใช้ที่ยุ่ง ยากพอสมควร

อันดับที่ 3  Chinese
แน่ นอนว่าภาษาจีนเป็น อีกภาษาที่ยากที่สุดในโลก หากแต่กระนั้นมันมีความสำคัญต่อโลกเหมือนกันเพราะประชากรประมาณ 1/5 ของโลกพูดภาษาจีนแบบใดแบบหนึ่งเป็นภาษาแม่ ทำให้เป็นภาษาที่มีคนพูดเป็นภาษาแม่มากที่สุด (สำเนียงพูดที่ถือเป็นมาตรฐาน คือ สำเนียงปักกิ่ง ซึ่งอยู่ในกลุ่มภาษาแมนดาริน)และเป็นหนึ่งใน 6 ภาษาที่ใช้ในองค์การสหประชาชาติ (ร่วมกับ ภาษาอังกฤษ ภาษาอาหรับ ภาษาฝรั่งเศส ภาษารัสเซีย และภาษาสเปน) แน่นอนความยากของภาษาจีนนั้นก็คือออกเสียงยาก เขียนยากอีกทั้งมันมีหลายแบบ หลายสำเนียง เช่น จีนกลาง, จีนกวางตุ้ง แถมอักษรยังมีสองแบบคืออักษรจีนตัวเต็ม และ อักษรจีนตัวย่อ

อันดับที่ 2  Hungarian
ภาษา ฮังการี เป็น ภาษากลุ่มฟินโน-อูกริกที่พูดในประเทศฮังการีและในประเทศเพื่อน บ้านคือ โรมาเนีย สโลวาเกีย ยูเครน เซอร์เบีย มอนเตเนโกร โครเอเชีย ออสเตรีย และสโลวีเนีย (ทั้งหมดเป็นประเทศที่ฮังการีได้สูญเสียดินแดนให้หลังสงครามโลกครั้งที่ 1) มีคนพูดภาษาฮังการีประมาณ 14.5 ล้านคน มี 10 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในฮังการี และมีชนพื้นเมืองฮังการี ประมาณ 1,434,377 คนที่อาศัยอยู่ในโรมาเนีย โดยมีประชากรชนกลุ่มน้อยมากที่สุดในพื้นที่ทรานซิลเวเนียของโรมาเนีย

อันดับที่ 1 Basque
ภาษา บาสก์ เป็น ภาษาที่พูดโดยชาวบาสก์ซึ่งอาศัยอยู่แถบเทือกเขาพีเรนีสในตอนกลาง ของภาคเหนือของประเทศสเปน รวมทั้งในบริเวณภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศสที่มีอาณาเขตติดต่อกัน หรือลึกลงไปกว่านั้นคือ ชาวบาสก์ได้ครอบครองแคว้นปกครองตนเองที่มีชื่อว่าแคว้นปกครองตนเองบาสก์ (Basque Country autonomous community) ซึ่งมีวัฒนธรรมและอิสระในการปกครองตนเองทางการเมือง นอกจากนี้ก็ยังมีชาวบาสก์ที่อยู่ในเขตนอร์เทิร์นบาสก์ในฝรั่งเศสและแคว้น ปกครองตนเองนาวาร์ในสเปนอีกด้วย ชื่อเรียกภาษาบาสก์อย่างเป็นทางการ (ในภาษาตนเอง) คือ เออุสการา (euskara) ส่วนในรูปภาษาถิ่นอื่น ๆ ได้แก่ เออุสเกรา (euskera) เอสกูอารา (eskuara) และ อุสการา (üskara) แม้ว่าในทางภูมิศาสตร์จะถูกล้อมรอบด้วยภาษาในตระกูลอินโด-ยูโรเปียน แต่ภาษาบาสก์กลับจัดเป็นภาษาโดดเดี่ยว (language isolate) ไม่ใช่ภาษาในตระกูลดังกล่าว

ขนมปัง

ขนมปังนุ่มๆ แบบเปลือกบาง กรอบนอกนุ่มใน วันนี้เราจัดเต็ม
แบบเอาทั้งหมดขั้นตอน และรายละเอียด ต่างๆ ที่เราพยายามเรียบเรียง
มา อัพบล๊อคแบ่งปันเพือนๆคนชอบขนมปังเปลือกกรอบๆกันค่ะ ซึ่งเป็นสูตรขนมปังที่ต่อเนืองจากบล๊อคก่อนหน้านี้ ที่เราได้จากพี่พีช 

ความจริงขนมปังลักษณะนี้ น่าจะเป็นขนมปังฝรั่งเศส ซึ่งเป็นขนมปังที่เราชอบมากๆ ซึ่งปกติเราจะซื้อประจำ ก้อนนึง 3$ ก้อนเล็ก ซึ่งเราถือว่าแพงนะ แต่มันอร่อยมาก ๆเปลือกกรอบๆ ข้างในนุ่มเหนียว เคี้ยวมันเคี้ยวเพลิน
ซื้อทีไร เราจะแทะเปลือกกินหมดก่อนทุกที ฮี่ ๆเ
วันนี้เราทำได้แล้ว ถึงจะไม่ 100% เหมือนที่ทำขายเพราะ แต่เราก็ภูมิใจแล้วคร่าาาา เพราะเปลือกที่บางกรอบ เนื่อขนมปังนุ่มๆ เหนียวนิดๆ (นิดเดียว) กินเล่นเปล่าๆ ตอนอบเสร็จใหม่ๆ อร่อยมากๆเลยค่ะ เพลินทีเดียว
ทีมาจากสูตรก็มาจากพี่พีช somejai dean 100 ค่ะ ที่แนะนำให้เราทำสำเร็จขอบคุณพี่พีช somjaidean 100 อีกครั้งนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ 
ซึ่งเป็นสูตรขนมปัง เวียนนา ซึ่งคุณบุ๊งได้ทำไว้แล้วขอบคุณ คุณบุ๊งสำหรับสุตรเต็มๆ ด้วยค่ะ ไปดูสูตรต้นฉบับ จาก บ้านคุณบุ๊งไปทางนี้ค่ะ 
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=close-to-heaven&month=02-2012&date=17&group=19&gblog=5
พอเห็นสุตรบ้านคุณบุ๊ง เลยรู้ว่าตัวเองจดส่วนผสมของแป้งตกไป 1 1/8 ถ้วย เอิ๊กกกกกกกกกก มารุ้ตอนทำเสร็จแล้ว ใหนๆ ก็ใหนๆ แล้ว เลยลองทำต่ออีกครั้ง 









สูตร แป้งเชื้อ




แป้งขนมปัง 1 1/4 ถ้วย

ยีสต์แห้ง 1 ชช

เกลือ 1/2 ชช

น้ำอุ่น 1 ถ้วย


วิธีทำ
- ผสมน้ำอุ่นกับยีสต์ พักไว้ 5นาทีจนยีสต์ขึ้น 
- ใส่แป้งทั้งหมดลงไป แล้วใส่เกลือ คนให้เข้ากัน (อย่าให้แป้งโดนยีสต์โดยตรง จะทำให้ยีสต์ทำงานได้ไม่ดี หรือตายได้ ตอนนี้ส่วนผสมจะเหลวเหนอะหนะเลยค่ะ 
- นำไปพักให้ขึ้นสองเท่า (ประมาณ 1ชม ) 
- นำชามยีส ปิดฝาให้สนิท ใส่ตู้เย็นทิ้งไว้ข้ามคืน
เราทำตอน 3ทุ่ม จนกระทั่ง 8โมงเช้า กะเอาประมาณ 12ชม 


จากนั้น เอาออกจากตู้เย็น พักไว้ในอุณภูมิห้อง เพื่อคลายความเย็น(เราพักประมาณ 1ชม ) 









ส่วนแป้งโดว์


- แป้งขนมปัง 3 1/4ถ้วย +2 ชต 

- น้ำตาลทราย 1 ชต

- เกลือ 1 1/4 ชช

- ไข่เบอร์2 1 ฟอง

- ยีสต์ 1 1/2 ชช 

- เนยสดเค็มนิ่มๆ 2 ชต 

- น้ำอุ่น 3/4 ถ้วย



ปลุกยีสต์ให้ขึ้นโดยแบ่งน้ำอุ่นมา 1/4มาผสมกับยีสต์ พักไว้ 5นาที , ไข่ตีแบบไข่เจียวรอไว้ , เทยีสต์ที่หมักลงในโถ พร้อมใส่น้ำอุ่น,น้ำตาล,ไข่ และแป้งเชื้อ +แป้งลงไป 3ถ้วย แล้วจึงใส่เกลือ ตามลงไป
- เปิดสปีดต่ำสุด นวดพอส่วนผสมเข้ากัน ใส่เนยสดนิ่ม นวดพอให้แค่พอส่วนผสมเข้ากัน ตอนนี้แป้งจะนิ่มและติดมือ แล้วจึงค่อย ทยอยใส่แป้งที่เหลือ2ชต นวดให้เข้ากัน และใส่เนยอีกทีละ 2ชต จนหมด ขั้นตอนนี้รวมทั้งผสมแป้งไม่เกิน 20 นาทีค่ะ โดยไม่ต้องเน้นให้ขึงเป็นฟิมส์อะไรเลย แค่เนียนหน่อย ก็พอ





ตอนนี้สังเกตจากรูปใน ทั้ง 4 แป้งโดว์ที่ได้ ต้องนิ่มๆ วางบนโต๊ะแล้วเอนตัวลงหน่อยๆ ลองจับดูจะยังคงติดมือนิดๆ ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเดียวตอนหมักแป้ง แป้งก็จะดูดความชื้นออกไปอีก
แต่ถ้าแป้งเหลว ติดมือหนุบหนับ เหนาะหนะ ให้เติมแป้งได้อีก 1-2ชต ค่ะ 










ขั้นตอนการพักแป้ง 

การพักแป้งโดว์ 

- นำอ่างทาไขมัน หรือ ทาไขมันเสร็จโรยแป้งนวลให้ทั่วๆ 
นำแป้งโดว์ ใส่อ่าง กันอากาศเข้า แล้วพักให้ขึ้น 2 เท่า ทีนี่อากาศเริ่มหนาว อุณภูมิในบ้านตอนนี้ 70 F เราใช้เวลาพักแป้ง 1 1/2 ชม  
การพักแป้งในครั้งที่ 2 ก็ทำเหมือนกันกับครั้งแรก 














รูปแป้งที่พักรอบที่ 2 สังเกตแป้งเนียนขึ้นและไม่ติดมือแล้วค่ะ 
แต่สัมผัสได้ว่าแป้งนิ่มเนียน







- การพักแป้งครั้งที่ 3,4 สังเกตแป้งจะเนียนขึ้นกว่าครั้งแรกเยอะเลย 
นำโดว์ออกมาไล่ลมออก แบ่งเป็น 2ก่อนเท่าๆกัน วางในอ่าง
แล้วฉีดสเปร์น้ำมัน ให้ทั่วโดว์ ปิดกันลม พักแป้งไว้ 20นาที 
การพักแป้งครั้งที่ 3 ,4 ทำเหมือนกัน 












- นำออกมาขึ้นรูปครั้งสุดท้ายก่อนอบ ฉีดสเปร์น้ำมันให้ทั่วก้อนโดว์ 
หรือใช้น้ำมันมะกอก คาโนล่า ทาด้วยแปรงให้ทั่ว แล้วนำไป พักให้ขึ้น2เท่าอีกครั้ง เปิดเตาอบรอไว้ก่อนสัก 15นาที ที่ไฟเปิดไฟ 450 F 
- นำน้ำร้อนใส่อ่างหรือถาดทนไฟ วางไว้ชั้นล่างสุดของเตาอบไว้ก่อนสัก 5นาที 


- ใช้มีดคมๆ กรีดก้อนโดว์ตามชอบ 

- ฉีดสเปร์น้ำให้ทั่วก้อนโดว์ 





รูปตอนกรีดหน้าขนมปัง เรากรีดได้กากมากกกแถมมีกรีดซ้ำรอยเดิมด้วย เฮ่อออ แต่ขั้นตอนนี้แหละเวลาทำขนมปัง เป็นขั้นตอนหนึ่งที่เรารอคอย และอยากทำมากๆ 55


















- นำโดว์เข้าอบ ผ่านไป 1 นาที ให้ฉีดเสปร์ ตรง
ด้านบนของผนังเตาอบ(น้ำจะโดนขดลวดร้อนๆ ทำให้ไอน้ำกระจาย
ไปทั่ว ขนมปัง ทำแบบนี้ ทุก 1นาที สัก 4-5 ครั้ง ใช้เวลาประมาณไม่เกิน5-7 นาทีแรก 

- ใช้เวลาอบแบบก้อนเล็กๆ ประมาณ 20 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดของขนมปัง
ก้อนใหญ่ เราอบ ประมาณ 25 นาที