วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เกาะ ฮาชิมะ ญี่ปุ่น

 *เกาะฮาชิมะ อดีตเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่ ก่อนจะถูกทิ้งร้างกลายเป็นเกาะสุดเฮี้ยนติดอันดับโลกของญี่ปุ่น*

           เป็นที่ฮือฮาของคอหนังผีอย่างยิ่งทีเดียว สำหรับภาพยนตร์ *"ฮาชิมะ โปรเจกต์"* ของค่าย M39 หลังจากที่ได้ปล่อยทีเซอร์ตัวแรกออกมาให้ได้ชม ก็ทำเอาคอหนังใจจดใจจ่อรอชมกันแทบไม่ไหวแล้ว และเชื่อว่าคงมีหลาย ๆ คนที่สนอกสนใจเรื่องราวของเกาะฮาชิมะ สถานที่รกร้างที่มีเสียงร่ำลือถึงสิ่งลี้ลับอันน่าสะพรึงกลัว แถมเฮี้ยนติดอันดับโลก ว่าเรื่องนี้จริงเท็จหรือไม่ อย่างไร วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีเรื่องราวของ เกาะฮาชิมะ มาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ

            เกาะฮาชิมะ อยู่ห่างจากเมืองนางาซากิ ประมาณ 15 กิโลเมตร สมัยที่เกาะฮาชิมะรุ่งเรืองมันถูกตั้งชื่อว่า *Battleship Island*หรือ *เกาะเรือรบ* ในอดีตเกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยถ่านหิน จนเมื่อมีการค้นพบจึงได้เริ่มต้นทำเหมืองถ่านหินกันอย่างจริงจังในปี 2430 ก่อนที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่างมิตซูบิชิจะซื้อเกาะดังกล่าวเพื่อพัฒนาเป็นเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่ รองรับกับความต้องการถ่านหินในการพัฒนาอุตสาหกรรมในญี่ปุ่นยุคนั้น จนทำให้มีการอพยพแรงงานและครอบครัวมาตั้งถิ่นฐานอยู่บนเกาะแห่งนี้จนเต็มพื้นที่

           อย่างไรก็ดี เกาะแห่งนี้เป็นเหมือนกับสถานที่คุมขังนักโทษด้วยเช่นกัน เนื่องจากในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพญี่ปุ่น ได้เกณฑ์แรงงานชาวจีนและเกาหลีใต้ที่เป็นจำเลยช่วงสงครามมาทำงานในเหมืองถ่านหิน ทำให้ในสายตาของชาวจีนและเกาหลีใต้มองเกาะฮาชิมะเป็นเหมือนกับสถานที่ที่ทำให้พวกเขาฝันร้ายมาจนถึงปัจจุบัน

            จนกระทั่งปี 2517 มิตซูบิชิได้ประกาศปิดเหมืองบนเกาะฮาชิมะ เนื่องจากพลังงานจากถ่านหินไม่ได้เป็นที่ต้องการของญี่ปุ่นอีกต่อไป โดยทุกคนหันไปให้ความสำคัญกับพลังงานจากน้ำมันแทน ซึ่งหลังจากการปิดตัวลง แรงงานทั้งหมดจึงอพยพออกจากพื้นที่ และปล่อยให้เกาะแห่งนี้เป็นเกาะร้าง ที่ไม่มีแม้กระทั่งต้นไม้หรือดอกไม้ขึ้นอยู่ มีก็แต่เพียงไม้ล้มลุกขนาดเล็กเท่านั้น

           ปัจจุบัน ทางการญี่ปุ่นพยายามที่จะผลักดันให้เกาะฮาชิมะเป็นมรดกโลก โดยยื่นเรื่องไปยังองค์การยูเนสโก แต่กลับถูกทางการเกาหลีใต้คัดค้าน เพราะมองว่าเกาะฮาชิมะ คือบาดแผลสงครามที่ยังหลงเหลืออยู่ และทำให้ชาวเกาหลีใต้และชาวจีน รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้ง ที่มีการกล่าวถึงเกาะนี้

            อย่างไรก็ตาม แม้จะยังเป็นที่ถกเถียงกันว่า เกาะฮาชิมะสมควรจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกหรือไม่ *แต่ปัจจุบันเกาะแห่งนี้ก็มีชื่อเสียงอย่างมากจากการถูกนำไปใช้เป็นฉากจำลองในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ Skyfall จนทำให้เกาะแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น*

            นอกจากนี้ เกาะฮาชิมะเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมเมื่อ 4 ปีก่อน แต่จนถึงตอนนี้ มีนักท่องเที่ยวเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้มีโอกาสสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ เพราะทางการญี่ปุ่นจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ทำให้แต่ละปีมีผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มาเที่ยวที่นี่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น

เกาะฮาชิมะ ญี่ปุ่น

*อาถรรพ์ระหว่างถ่ายทำ Battle Royale*

            ก่อนหน้าที่เกาะฮาชิมะจะถูกใช้เป็นสถานที่จำลองในการถ่ายทำภาพยนตร์ Skyfall นั้น สถานที่นี้ยังเคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง* "Battle Royale"*โดยผู้กำกับคินจิ ฟูกาซากุ ได้ยืนยันว่า เกาะนี้มีอาถรรพ์จริง ๆ นั่นยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเกาะนี้โด่งดังขึ้นและได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

           โดย ผู้กำกับคินจิ ฟูกาซากุ เปิดเผยว่า ในระหว่างการถ่ายทำได้พบสิ่งผิดปกติอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะพบคนอื่นที่ไม่ใช่ทีมงานถูกถ่ายติดเข้ามาในฉาก หรือ ฟิล์มเสียทั้ง ๆ ที่เพิ่งใช้งาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กองถ่ายยังคงต้องดำเนินต่อไป เพื่ออรรถรสของภาพยนตร์อย่างมากที่สุด

            และเหตุการณ์ที่ผวาที่สุดในกองถ่าย จนทำให้กองถ่ายต้องหยุดพักอยู่เป็นอาทิตย์ ก็คือ ชิอากิ คูริยามา นักแสดงหญิงคนหนึ่ง ซึ่งรับบทเป็นนักเรียนได้เข้าฉาก และเธอได้ถูกบางสิ่งบางอย่างครอบงำตัวเธอ

           จากคำบอกเล่าของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า ดวงตาของเธอกลายเป็นสีแดงก่ำ และนัยน์ตาของเธอเบิกโพลงดูแข็งกร้าวขึ้น หลังจากนั้นเธอได้พุ่งเข้ามาหา โคอุ ชิบาซากิ หนึ่งในนักแสดงหญิง และทำการรัดคอเธออย่างแรง ทางทีมงานเห็นท่าไม่ดีจึงได้เชิญมิโกะหญิงที่เดินทางมาด้วย จัดการขับไล่วิญญาณร้ายจนสำเร็จ

            หลังจากวิญญาณนั้นออกจากร่าง เธอบอกว่า *"สถานที่นี้มีดวงวิญญาณที่มีความอาฆาตแค้นอยู่มาก และยากที่จะขจัดออกไปได้ เพราะที่ตรงนี้ คือสถานที่ของพวกเขา"*

           นอกจากนี้ เมื่อทีมงานได้สอบถามนักแสดงสาว ชิอากิ ว่าเธอรู้สึกยังไงตอนที่เธอถูกผีสิง เธอบอกว่า *"เธอเห็นผู้หญิงผมยาว ลอยผ่านตัวเธอ และหลังจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย"* นับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ความน่าสะพรึงกลัวและความสยองขวัญของทุกคนที่เข้าฉาก

บุคคลสำคัญของประเทศฝรั่งเศส

หลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur) ( พ.ศ. 2365-2395) นักวิทยาศาสตร์สาขาชีววิทยา เกิดที่เมืองโดล ประเทศฝรั่งเศส ได้รับการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเบซากองและมหาวิทยาลัยปารีส ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งอาจารย์ในสถาบันการศึกษาที่สตราบวร์ก ลิลล์ และมหาวิทยาลัยปารีส และได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์สาขาเคมีที่มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ในปี พ.ศ. 2410
หลุยส์ ปาสเตอร์

หลุยส์ ปาสเตอร์
ปาสเตอร์เป็นผู้แถลงว่าการเน่าและการหมักเกิดจากเชื้อโรคหรือจุลินทรีย์ ปาสเตอร์ได้ค้นพบปรากฏการณ์นี้ในระหว่างการศึกษาว่าเหตุใดเหล้าองุ่นจึงเสียรสขณะบ่ม แต่เมื่อนำเหล้าองุ่นไปอุ่นให้ร้อนแล้วจึงป้องกันไม่เหล้าองุ่นกลายเป็นน้ำส้มสายชูได้ ซึ่งการกระทำลักษณะนี้ต่อมาได้พัฒนาเป็นการฆ่าเชื้อวิธีปาสเตอร์ (Pasteurization) การค้นพบนี้ทำให้สาขาวิชาจุลชีววิทยาโดดเด่นก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
การทดลองที่มีชื่อเสียงของปาสเตอร์เมื่อปี พ.ศ. 2424 ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าแกะและวัวที่ได้รับการฉีด “วัคซีน” ที่ทำจากเชื้อจุลินทรีย์บาซิลลิ ซึ่งเป็นเป็นสมติฐานของโรคแอนแทรคที่ถูกทำให้อ่อนจางลงของเขา สามารถต่อสู้กับโรคระบาดที่มีอันตรายของสัตว์คือโรคแอนแทรคดังกล่าวได้โดยไม่ติดโรค ในปี พ.ศ. 2431 สถาบันปาสเตอร์ได้รับการจัดตั้งขึ้นในกรุงปารีสเพื่อต่อสู้กับโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งปาสเตอร์ได้ทำงานประจำในสถาบันนี้จนถึงแก่กรรม
ปัจจุบัน สถาบันปาสเตอร์ยังคงเป็นสถาบันวิจัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกที่ยังคงทำงานวิจัยงานด้านจุลชีววิทยาอยู่ รวมทั้งการค้นพบเชื้อไวรัสเอชไอวี ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเอดส์
หลุยส์ ปาสเตอร์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่โลก

อาลีเซ

อาลีเซ ("Alizée")
Alizée Jacotey - Chanteuse Francaise - Paris - 3 December 2007 - DSC 1665bis.jpg

ข้อมูลพื้นฐาน
*ชื่อเกิด*อาลีเซ ฌากอเต
*ชื่อเล่น*อาลีเซ
*วันเกิด*21 สิงหาคม
 พ.ศ. 2527

*เกิดที่*คอร์ซิกา
 ประเทศฝรั่งเศส

*แนวเพลง
*เวิร์ล, ป๊อป
, อิเล็กโทรป๊อป, ร็อก

*อาชีพ*นักร้อง
*ปี*พ.ศ. 2542
 - ปัจจุบัน
*ค่าย
*โพลีดอร์ (2543
 - 2550
)
อาร์ซีเอ เรคอร์ดส์ (2550
 - ปัจจุบัน)
*เว็บไซต์*Alizee-officiel.com

*อาลีเซ ฌากอเต* (Alizée Jacotey; 21 สิงหาคม
 พ.ศ. 2527
 — ) นักร้อง
ชาวฝรั่งเศส
 โดยใช้ชื่อการแสดงว่า *อาลีเซ* (Alizée) เกิดที่เมืองอาฌักซีโย เกาะคอร์ซิกา
 โดยมีผลงานที่มีชื่อเสียงหลายเพลง และมีผลงานอัลบั้ม และซิงเกิลที่ได้ขึ้นอันดับในชาร์ทของประเทศฝรั่งเศส
และหลายประเทศในทวีปยุโรป
อาลีเซเริ่มต้นชีวิตการแสดงโดยได้แสดงเต้นรำเมื่ออายุได้ 4 ปี และได้เข้าเรียนในโรงเรียนเต้นที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเมือง ต่อมาในปี 2542 เธอได้พยายามเข้าประกวดเต้นรำในรายการทีวีรายการหนึ่งแต่ทว่าเกิดการปิดรับสมัคร และชื่อของอาลีเซได้ไปอยู่ในรายชื่อผู้เข้าประกวดร้องเพลงแทน ซึ่งผลปรากฏว่าอาลีเซชนะเลิศการประกวดร้องเพลงในการแข่งขันนั้น และทำให้เป็นที่จับตามองของนักร้องหญิงชื่อดัง Mylène Farmer ที่กำลังค้นหานักร้องเด็ก ต่อมาอาลีเซได้ออกซิงเกิล
 ชุดแรก คือ "Moi... Lolita" และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และในปัจจุบันได้มีผลงานเพลงออกมาทั้งหมด 7 ซิงเกิล และ 3 อัลบั้ม

วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

นักประพันธ์ดนตรี

10. Chopin ผู้ประพันธ์เพลงและนักเปียโนเลือดผสมฝรั่งเศส - โปแลนด์ เกิดที่หมู่บ้านเซลาโซวา โวลา (Zelazowa Wola) ใกล้ กรุงวอร์ซอว์ (Warsaw) ประเทศโปแลนด์ (Poland) เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1810 โชแปงเกิดในประเทศโปแลนด์ แต่ใช้ชีวิตตั้ง แต่วัยหนุ่มอยู่ในปาริสจนถึงแก่กรรม วันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 1849 โชแปงมีพี่น้องผู้หญิงอีก 3 คน ส่วนเขาเป็นลูก ผู้ชายคนเดียว พ่อแม่จึงรักมาก โชแปงเป็นคนที่มี รูปร่างบอบบางจิตใจอ่อนไหวง่ายมีความรักชาติมากตั้งแต่เด็ก ๆ จนเป็นแรงบันดาล ใจให้เขาประพันธ์ดนตรีสำหรับเปียโนไว้มากมาย โชแปงเริ่มเรียนเปียโนเมื่ออายุ 7 ขวบกับครูดนตรีชื่อ อดาลแบต์ ซิวนี (Adalbert Zywny) ชาวโบฮีเมีย เนื่องจากครูคนนี้ชอบดนตรีของบาค โมสาร์ท และเบโธเฟน เป็นพิเศษจึงถ่ายทอดความคิดของ เขาให้โชแปง ต่อจากนั้นโชแปงได้เรียนกับครูคนใหม่ชื่อโยเซฟ เอ็ลสเนอร์ (Joseph Elsner) จนกระทั่งอายุได้ 16 ปีก็เข้าสถาบันดนตรีแห่งวอร์ซอว์ ซึ่งเอ็ลสเนอร์ดำรงตำแหน่งผู้จัดการ ณ จุดนี้เองที่ทำให้โชแปงเรียนดนตรีอย่างเต็มที่ (ไพบูลย์ กิจ สวัสดิ์, 2535 :105) ในสมัยนั้นเป็นช่วงของการอภิวัฒน์ทางศิลป์ และศิลปินเริ่มมีความสำคัญต่อสังคมมากขึ้น ทั้งนักดนตรี นักวาดรูป และนักประพันธ์ สามารถสมาคมกับข้าราชการหรือเจ้านายชั้นสูงในฐานะเท่าเทียมกัน โชแปงได้รับเชิญไป บรรเลงเปียโนเสมอมาจากการบรรเลงนี้รวมทั้งการสอนดนตรี ทำให้โชแปงสามารถช่วยตัวเองให้ดำรงอยู่ได้9. Tchaikovsky ผู้ประพันธ์เพลงชาวรัสเซียคนแรกที่เป็นที่รู้จักในวงการนานาชาติ เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวน 5 คน ของ อิลยา เปโตรวิช ไชคอฟสกี (Ilya Petrovititch Tchaikovsky) และ อเลกซานดรา (Alexandra) เกิดที่เมืองว็อทกินสค์ (Voltkinsk) เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1840 เป็นผู้ประพันธ์เพลงยอดนิยมคนหนึ่งในบรรดาผู้ประพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ของโลกดนตรี ไชคอฟสกีเป็นคีตกวีที่แปลกไปกว่าท่านอื่น ๆ กล่าวคือทุกๆคนมักจะเรียนและเล่นดนตรีเก่งชนิดอัจฉริยะ ตั้งแต่อายุยังน้อยส่วนไชคอฟสกีมา เริ่มเรียนดนตรีจริงจังก็เมื่ออายุ 21 ปี เนื่องจากเขาต้องเรียนกฎหมาย ตามความต้องการของพ่อจนกระทั่งจบปริญญาตรีทางกฎหมาย และออกมาทำงานรับราชการในกระทรวงยุติธรรม แต่ด้วยความสนใจและความชอบซึ่งมีเป็นทุนอยู่แล้วไชคอ ฟสกีจึง หันเหชีวิตมาเรียนดนตรีอย่างจริงจังในสถาบันดนตรีแห่งเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในวิชาการเรียบเรียงเสียงประสานสำหรับวงออร์เคสตรา (Orchestration) เทคนิคการเล่นเปียโนและออร์แกน ชีวิตของไชคอฟสกีก็คงเหมือน ๆ กับคีตกวีคนอื่น ๆ ทั่ว ๆ ไป กล่าวคือมีทั้งสุขและทุกข์ระคนกันไปชีวิตเหมือนนิยายมากกว่าชีวิตจริง เพราะยามที่ตกอับจะมีกินก็เพียงประทังความหิว และมีที่อยู่อาศัยเพียงแค่ซุกหัวนอน ในยามเมื่อคนอื่นไม่เห็นคุณค่าผลงานของเขาก็ไม่มีค่าอะไร แต่ยังดีที่มีผู้ที่ เห็นความสำคัญและคอยจุนเจือค้ำจุนเสมอมาอย่างแทบไม่น่าเชื่อเธอผู้นั้นก็คือ มาดามฟอน เมค (Nadezhda von Meck) เศรษฐีนีหม้ายผู้มั่งคั่ง เธอให้เงินสนับสนุนไชคอฟสกีโดยไม่เคยหวังผลตอบแทนใด ๆ เธอมีความสุขที่ได้มีโอกาสสนับสนุน ผู้อื่นให้ทำงานที่เธออยากทำแต่ทำไม่ได้ เพราะเธอเคยใฝ่ฝันที่จะเป็นนักประพันธ์ดนตรีแต่ไม่สามารถทำได้ด้วยใจรักดนตรีในยามว่างจากภาระกิจเธอมักจะนั่งฟังดนตรีเสมอ ดั้งนั้นเธอจึงทดแทนส่วนนี้ด้วยการสนับสนุน ตามความเป็นจริงแล้วถ้า หากในโลกนี้มีคนดีอย่างมาดามฟอน เมค (Nadezhda von Meck) มาก ๆ คงเป็นการดีและทำให้คนในวงการดนตรีมีโอกาสผลิตผลงานที่ดีออกสู่สาธารณะชนมากขึ้น ไชคอฟสกีผู้ซึ่งในระหว่างที่มีชีวิตอยู่เขาไม่เคยได้รับเกียรติอย่างจริงจังจากชาว รัสเซียเลยตรงกันข้ามกับทางยุโรปและอเมริกานิยมชมชื่นในตัวเขามากขณะที่ชื่อเสียงกำลังโด่งดังอยู่นั้นเขาก็ด่วนจบชีวิตลงเสียก่อนซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่มากที่พยายามสร้างงานมากมายแต่บัดนี้เขาเป็นคีตกวีที่ชาวรัสเซียภูมิใจมากที่สุด (ณรุทธ์ สุทธจิตต์,2535 :171) ไชคอฟสกีถึงแก่กรรมด้วยโรคอหิวาต์ซึ่งเกิดจากความไม่เฉลียวใจหลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จไชคอฟสกีไปเปิดน้ำประปาที่ก๊อกมาดื่มโดยไม่ได้นำมาต้มเสียก่อน เพราะขณะนั้นที่เมืองเซ็นต์ปีเตอร์สเบริ์กมีโรค ระบาดพอดีและมีคนคอยเตือนแล้ว ในที่สุดก็ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 1893 . ผลงานที่มีชื่อเสียง ผลงานที่เด่นประกอบด้วย Romeo and Juliet : Fantasy Overture 1870, Swan lake 1875-76, Eugene Onegin:Waltz 1879, The Nutcracker-Nutcracker March 1892….8. Handel บิดาของฮันเดล นายจอร์จ ฮันเดล เกิดเมื่อปีค.ศ. 1622 เป็นศัลยแพทย์และช่างโกนหนวด นับถือนิกายลูเธอรัน และกลายเป็นพ่อหม้ายเมื่อปีค.ศ. 1682 เขาแต่งงานในปีต่อมากับโดโรเธอา เทาสต์ บุตรีของปาสเตอร์ที่อ่อนกว่าเขาหลายปี จอร์จ เฟรดริก เป็นบุตรชายคนโตของทั้งสอง และมีน้องสาวอีกสองคน บิดาใฝ่ฝันให้ฮันเดลประกอบอาชีพทางด้านกฎหมาย แม้ว่าเขาจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถโดดเด่นเกินวัยทางดนตรีก็ตาม พ่อยอมให้ฮันเดลเรียนดนตรีอย่างเสียไม่ได้ กับนักจัดแสดง ดนตรีชื่อเฟรดริก วิลเฮล์ม ซาโชว ผู้ซึ่งได้ถ่ายทอดความรู้ทางดนตรีให้แก่ฮันเดลอย่างสมบูรณ์แบบ เขาหัดเล่นฮาร์ปซิคอร์ด ออร์แกน ไวโอลิน และโอโบ เขาเริ่มประพันธ์เพลงสำหรับเครื่องดนตรีและสำหรับขับร้องตั้งแต่วัยเยาว์ ในปีค.ศ. 1697 ขณะพำนักอยู่ที่นครเบอร์ลิน เขามีโอกาสได้พบกับกษัตริย์แห่งปรัสเซีย แต่เขาก็กลับมาที่เมืองฮัลล์ตามคำขอของบิดา ผู้ซึ่งเสียชีวิตเพียงสี่วันก่อนที่เขาจะเดินทางกลับถึงบ้าน เพื่อแสดงความเคารพต่อบิดา เขาก็ได้เขารับการศึกษาในสถาบันแห่งหนึ่ง พร้อมไปกับการเล่นดนตรี ราวปีค.ศ. 1702 เขาได้รับตำแหน่งในมหาวิหารเมืองฮัลล์ ในฐานะผู้จัดการแสดง และได้มีโอกาสผูกมิตรกับจอร์จ ฟิลิปป์ เทเลมันน์7. Verdi ผู้ประพันธ์เพลงประเภทโอเปร่า ชาวอิตาเลียน เกิดที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในเมืองรอนโคล (Le Roncole) ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองบุสเซโต (Busseto) เมื่อ วันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1813 เป็นลูกชายของคาร์โล แวร์ดี (Carlo Verdi) และลุยเจีย (Luigia) เป็นผู้ที่ยุ่ง เกี่ยวกับวงการเมืองของอิตาลีมาตลอดนอกเหนือจากเป็นนักดนตรี เมื่ออายุ 10 ขวบ พ่อได้ส่งเขาไปเรียนหนังสือที่เมืองบุสเซโต ซึ่งอยู่ห่างจากรอนโคลประมาณ 3 ไมล์ พ่อได้นำเขาไปฝากไว้กับเพื่อนที่สนิทคนหนึ่งมีอาชีพเป็นช่างซ่อมรองเท้าอยู่ ในเมืองนั้นเมื่อมีเวลาว่างแวร์ดีมักจะไปขลุกอยู่กับแอนโตนิโอ บาเรสซี่ (Antonio Barezzi) เจ้าของร้านขายของชำผู้มั่งคั่งและที่สำคัญที่สุดก็คือที่นั่นมีแกรนด์เปียโนอย่างดีทำมาจากกรุงเวียนนา แวร์ดีมักจะมาขอเขาเล่นเสมอ ๆ เมื่อบาเรสซี่เห็น หน่วยก้านเด็กคนนี้ว่าต่อไปอาจจะเป็นนักดนตรีผู้อัจฉริยะ จึงรับมาช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ร้านขายของชำของเขาในตอนเย็นหลังจากเลิกโรงเรียนแล้วจากนั้นไม่นานนักเขาก็ตัดสินใจรับเด็กน้อยแวร์ดีมาอยู่ที่ร้านและอยู่ในความอุปการะของเขา ที่ นี่เองเด็กชายวัย 14 ขวบ ก็ได้เล่นเปียโนดูเอทคู่กับมาร์เกริตา (Margherita) เด็กหญิงวัย 13 ขวบ ซึ่งเป็นลูกสาวของบาเรสซี่นั่นเอง ซึ่งต่อมาทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 1836 บาเรสซี่มักจะใช้เวลาส่วนมากมาคอยดูแลและนั่งฟัง เด็กน้อยทั้งสองเล่นเปียโนด้วยความพอใจอย่างยิ่งเขาให้ความรักและสนิทสนมกับเด็กน้อยแวร์ดีอย่างลูกชายของเขาทีเดียว ผลงานส่วนใหญ่ของแวร์ดี คืออุปรากรหรือโอเปร่า (Opera) เพราะสมัยของแวร์ดีนั้น ชาวอิตาเลียนชอบชมอุปรากรมาก แวร์ดีเป็นคนที่มีความเสียสละมาตลอดชีวิตเมื่อภรรยาและตัวเขาเองตายไปแล้วทรัพย์สมบัติทั้งหมดก็ถูกนำไปใช้สร้างอาคารสงเคราะห์ให้เป็นที่พักอาศัยของนักดนตรีที่ยากจนนอกนั้นก็นำไปใช้สร้าง โรงแสดงดนตรีแวร์ดี (Verdi Concert Hall) และพิพิธภัณฑ์แวร์ดี (Verdi Museum) ในเมืองมิลาน เป็นอนุสาวรีย์เตือนชาวโลกให้รำลึกถึงเขาในฐานะคีตกวีผู้ยิ่งใหญ่ของ อิตาลีและของโลก การมรณกรรมของเขาจึงมิใช่เป็นการสูญเสียผู้ประพันธ์โอเปร่าที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น ผลงานที่มีชื่อเสียง ผล งานโอเปร่าที่เด่นประกอบด้วย Nabucco : Chorus 1842, Macbeth : Aria from Act III 1847,La traviata 1853, Aida : Triumphal Scene 18716. Brahms ผู้ประพันธ์เพลงดีเด่นอีกคนหนึ่งชาวเยอรมัน แต่มาตั้งรกรากใช้ชีวิตนักดนตรีจนถึงแก่กรรม ณ กรุงเวียนนาเกิดที่เมืองฮามบวร์ก (Hamburg) เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ.1833 บิดาชื่อ โยฮัน ยาค็อบ บราห์มส์ (Johann Jakob Brahms) ซึ่งเป็นนักดนตรี ที่เล่นดับเบิลเบส (Double bass) ประจำโรงละคร เมืองฮามบวร์ก ในวัยเด็กบราห์มส์แสดงให้พ่อเห็นพรสวรรค์ทางดนตรีพออายุราว ๆ 5-6 ขวบพ่อก็เริ่มสอนดนตรีเบื้องต้นให้ ครอบครัวของเขาค่อนข้างยากจนพ่อและแม่ต้องดิ้น รนและประหยัดเพื่อ หาครูที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้มาสอนเปียโนและการประพันธ์ดนตรีให้แก่ลูกน้อยพ่อเองเคยได้รับบทเรียนมาก่อนเมื่อถูกกีดกันไม่ให้เรียนดนตรีในวัยเด็กต้องแอบฝึกซ้อมเอาเองเท่าที่โอกาสด้วยความที่พ่อเองรักดนตรีและบราห์มส์ก็ชอบดนตรีอย่างพ่อ พ่อจึงสนับสนุนอย่างเต็มที่แม่เองก็เป็นคนที่รักดนตรีเช่นกันดังนั้นเขาจึงไม่มีอุปสรรคในเรื่องการเรียนดนตรีมีก็แต่ความขัดสนเรื่องเงิน อย่างไรก็ตามเพื่อให้ความหวังเป็นจริงพ่อจึงคิดหารายได้ให้มากกว่าที่เป็นอยู่จึงแยกตัวออกจากวงออร์เคสตร้า มาตั้งวงขนาดย่อม ๆ แบบวงดนตรีเชมเบอร์ มิวสิก (Chamber Music) รับจ้างเล่นตามสถานที่ต่าง ๆ (ไพบูลย์ กิจสวัสดิ์, 2535 :176) บราห์มส์เรียนเปียโนกับ คอสเซ็ล (Cossel) เมื่ออายุ 8 ขวบ จากนั้นพออายุได้ 10 ขวบ ก็เปลี่ยนไปเรียนกับ มาร์ก เซ็น (Marxsen) บราห์มส์ประพันธ์ดนตรีและรับจ้างเรียบเรียงแนวบรรเลงให้กับวงดนตรีเล็ก ๆ ตามร้านกาแฟและวงดนตรีของพ่อด้วย เขาเคยบอกว่ามีบ่อยคร

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013

อันดับ 1
สถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย 95.5 คะแนน
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
สถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย : California Institute of Technology : ประเทศสหรัฐอเมริกา 
สถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย หรือที่เรียกกันว่า Caltech ตั้งอยู่ที่ Pasadena,California สหรัฐอเมริกา ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยเล็กๆ เพราะมีนักศึกษาอยู่แค่เพียง 2,100 คนเท่านั้น แต่เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก โดยเฉพาะด้านวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ2 “ร่วม
 
มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดของสหราชอาณาจักร และ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดของสหรัฐฯ 93.7 คะแนน
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด : University of Oxford : ประเทศอังกฤษ
ตั้งอยุ่ในเมืองออกซฟอร์ด สหราชอาณาจักรและเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ มีอายุไม่น้อยกว่า 800 ปี โดยประวัติการก่อตั้งไม่มีหลักฐานที่แน่นอน แต่มีหลักฐานว่าออกซฟอร์ดได้เริ่มสอนมาตั้งแต่ พ.ศ. 1639 (ค.ศ. 1096) และในปี พ.ศ. 1710 (ค.ศ. 1167) หลังจากที่พระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 ของอังกฤษ ทรงสั่งห้ามชาวอังกฤษไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยปารีสเหมือนที่ชาวอังกฤษนิยม นักศึกษาและนักวิชาการอังกฤษที่เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ ในสมัยนั้น จึงพากันไปรวมตัวที่เมืองออกซฟอร์ด มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดจึงเกิดขึ้นและเติบโตอย่างรวดเร็ว ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์และการสนับสนุนการเงินจากคหบดีต่างๆ ในปี พ.ศ.1710 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (อนึ่ง รัชกาลที่ 6 ทรงจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยนี้)
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดของสหรัฐฯ : Stanford University , ประเทศสหรัฐอเมริกา
มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า มหาวิทยาลัยลีแลนด์สแตนฟอร์ดจูเนียร์ (Leland Stanford Junior University) เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ตั้งอยู่ที่เมือง สแตนฟอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา อยู่ห่างจากซานฟรานซิสโกประมาณ 60 กม. (37 ไมล์) สแตนฟอร์ดตั้งอยู่ในศูนย์กลางของซิลิคอนแวลลีย์ในเคาน์ตีซานตาคลารา และมหาวิทยาลัยอยู่ในบริเวณเมืองพาโลอัลโต มหาวิทยาลัยก่อตั้งในปี พ.ศ. 2434 (ค.ศ. 1891) โดยเริ่มโครงการก่อสร้างตั้งแต่ปี 2429 (ค.ศ. 1885)
มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอันดับสองของโลกโดย Academic Ranking of World Universities ถูกจัดให้อยู่ในระดับ เดียวกับ Harvard, Yale, Princeton, MIT, Caltech บางครั้งเรียกย่อ ๆ ในกลุ่มเด็กนักเรียน High School ว่ากลุ่ม HYPSMC หมายถึงกลุ่มมหาวิทยาลัยที่สมัครเข้าเรียนยาก นอกจากนี้สแตนฟอร์ดยังได้รับการขนานนามให้เป็นหนึ่งในสามมหาวิทยาลัยชั้นนำทางเทคโนโลยี นอกเหนือจาก MIT และ Caltech และมีนักวิจัยรางวัลโนเบลจำนวนมาก โดยเฉพาะในสาขาฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์การแพทย์ และเศรษฐศาสตร์ นอกจากนี้ สแตนฟอร์ดยังมีคลังข้อมูลและศูนย์เก็บเอกสารทางด้านศิลปศาสตร์ และสังคมศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับสากล เช่น US Federal Government Archive ห้องเก็บหนังสือโบราณ และยังมีบุคลากรชั้นแนวหน้าในสาขาต่างๆทุกสาขา

มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 4
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด 93.6 คะแนน
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด : Harvard University : ประเทศสหรัฐอเมริกา 
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนในเมืองแคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของโลกแห่งหนึ่ง และเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา โดยก่อตั้งเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2179  (ค.ศ.1636) มีอายุครบ 370 ปี ในปี พ.ศ. 2549 ฮาร์วาร์เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยในกลุ่มไอวี่ลีก โดยในปี พ.ศ.2551 มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกา โดยนิตยสารยูเอส รวมถึงปี 2552 ที่ได้รับอันดับหนึ่งเช่นกัน

มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013  อันดับ  5
สถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ ( MIT ) 93.1 คะแนน
สถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์
สถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ : Massachusetts Institute of Technology :ประเทศสหรัฐอเมริกา
สถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology) หรือ เอ็มไอที (MIT) เป็นสถาบันอุดมศึกษาในเมืองเคมบริดจ์ มลรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้นำวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลกแห่งหนึ่ง โดยเปิดสอนหลายสาขา ได้แก่ วิศวกรรมศาสตร์ การบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ ศิลปศาสตร์ และปรัชญา บุคคลจากเอ็มไอทีรวมถึงศิษย์เก่าและอาจารย์ของสถาบันได้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักการเมือง ผุ้บริหาร นักเขียน นักบินอวกาศ นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันบุคคลในเอ็มไอทีมี่ 63คนได้รับรางวัลโนเบล มีสตาตาเซ็นเตอร์ที่ใช้เป็นอาคารเรียนและเป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยวิทยาการคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ ออกแบบโดย ‘แฟรงก์ เกรี’

มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 6
มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน 92.7 คะแนน
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน Princeton University : ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยุ่ที่เมืองพรินซ์ตันในมลรัฐนิวเจอร์ซีย์ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2289 (ค.ศ.1746) เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่อันดับ 4 ของประเทศ โดยเมื่อก่อตั้งใช้ชื่อว่า “วิทยาลัยนิวเจอร์ซีย์” แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน” ในปี พ.ศ.2439 (ค.ศ.1896) หลังจากย้ายมาที่เมืองพรินซ์ตัน ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยพรินซ์ตันจะมีการเปิดสอนในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก แต่ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันมาจากการศึกษาในระดับปริญญาตรี นอกจากนี้ยังคงได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีห้องสมุดใหญ่เป็นอันดับต้นของโลก

มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 7
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ 92.6 คะแนน
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ : University of Cambridge : ประเทศอังกฤษ
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1209 เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับสองของสหราชอาณาจักร ที่ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีผู้ได้รับรางวัลโนเบลสูงที่สุด ในบรรดามหาวิทยาลัยทั้งหลายในโลก กล่าวคือ 81 รางวัล

มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 8
มหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน 90.6 คะแนน
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
มหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน : Imperial College, University of Londo :ประเทศอังกฤษ
อิมพีเรียลคอลเลจแห่งลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมศาสตร์มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอังกฤษและทวีปยุโรป ที่นี่ยังเป็นศูนย์รวมนักวิจัยและผลงานวิจัยระดับโลกอีกมากมายนอกจากนี้ ที่นี่ยังติดอันดับ 1 ใน 3 ของ Times National University League ร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและเคมบริดจ์อีกด้วย

มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 9
มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ 90.5 คะแนน
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ : University of California, Berkeley ประเทศสหรัฐอเมริกา
มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ (University of California, Berkeley) มักถูกเรียกสั้นๆ ว่า Cal เป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1868 (พ.ศ. 2411) เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในบรรดากลุ่มมหาวิทยาลัยในแคลิฟอร์เนีย มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์มีชื่อเสียงในหลากหลายด้าน ประวัติศาสตร์ วรรณกรรม วิทยาศาสตร์ รวมถึงมีการค้นพบไซโคลตรอน (cyclotron)โดย เออร์เนสต์ ลอว์เรนซ์ และมีการค้นพบธาตุเคมี 17ธาตุใหม่ รวมถึง พลูโตเนียม แคลิฟอร์เนียม การพัฒนาอินเทอร์เน็ต การพัฒนายูนิกซ์ BSDและซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซ
Berkeley ประกอบด้วยคณะและวิทยาลัยต่างๆ รวมทั้งสิ้น 14 แห่ง รวมไปถึงบัณฑิตวิทยาลัย และสถาบันเพื่อศึกษาเฉพาะด้าน อาทิ School of Optometry, Graduate School of Journalism และ College of Environmental Design ยังมีหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษาอื่นๆ ที่ได้รับการจัดอันดับไว้ในระดับสูงอีกมากมาย อาทิ Haas School of Business, Graduate School of Education, College of Engineering, School of Law, School of Social Welfare, School of Public Health, และ Goldman School of Public Policy
ศิษย์เก่าที่โดดเด่นของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ได้แก่ Justice Earl Warren อดีตหัวหน้าผู้พิพากษาศาลฎีกาสหรัฐ, Jonny Moseley นักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิก, John Cho นักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง Harold and Kumar, Dr. J. Robert Oppenheimer ผู้อำนวยการทางวิทยาศาสตร์ของโครงการแมนฮัตตัน (Manhattan Project) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในการพัฒนาระเบิดปรมาณู เขาเป็นนักฟิสิกส์และอาจารย์ที่เบิร์กลีย์

มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก2013 อันดับ 10
มหาวิทยาลัยชิคาโก 90.4 คะแนน
10มหาวิทยาลัยโลก2012-2013
มหาวิทยาลัยชิคาโก : The University of Chicago : ประเทศสหรัฐอเมริกา
มหาวิทยาลัยชิคาโก หรือที่เรียกโดยย่อว่า UC หรือ UofC ตั้งอยู่ในชุมชนไฮด์พาร์ก (Hyde Park) ซึ่งอยุ่ทางใต้ของใจกลางเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ประมาณ 6 ไมล์ เป็นมหาวิทยาลัยเน้นการวิจัย (Research University) ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาและของโลก ในปี ค.ศ.1890 โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก ‘จอห์น ดี. ร็อคกะเฟลเลอร์’ (John D. Rockefeller) มหาเศรษฐีน้ำมันชาวอเมริกันส่วนที่ดินได้รับบริจาคจาก ‘มาร์แชล ฟิลด์’(Marshall Field) ผู้เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งเมืองชิคาโก เริ่มมีการเรียนการสอนเป็นครั้งแรกในวันที่ 2 ตุลาคม 1892 โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมระหว่างการศีกษาแบบเสรี (Liberal Arts Education) ในระดับปริญญาตรี และการศึกษาวิจัยตามแนวเยอรมันในระดับบัณฑิตศีกษาโดยมีอธิการบดีคนแรกคือ ‘วิลเลี่ยม เรนนี่ ฮาร์เปอร์’ (William Rainey Harper)
 

10 อาชีพที่ดีที่สุดในปี 2013

อันดับ 10 นักวิเคราะห์ระบบคอมพิวเตอร์ 
เงินเดือนเฉลี่ย 2,400,000 บาท/ปี








อันดับ 9 นักกายภาพบำบัด
เงินเดือนเฉลี่ย 2,300,000 บาท/ปี







อันดับ 8 จักษุแพทย์
เงินเดือนเฉลี่ย 2,850,000 บาท/ปี








อันดับ 7 นักกิจกรรมบำบัด
เงินเดือนเฉลี่ย 2,300,000 บาท/ปี


><...






อันดับ 6 ผู้ดูแลสุขภาพฟัน
เงินเดือนเฉลี่ย 2,100,000 บาท/ปี





อันดับ 5 นักวางแผนทางการเงิน
เงินเดือนเฉลี่ย 3,000,000 บาท/ปี







อันดับ 4 นักโสตศาสตร์วิทยา
เงินเดือนเฉลี่ย 2,000,000 บาท/ปี










อันดับ 3 วิศวกรซอฟแวร์
เงินเดือนเฉลี่ย 2,600,000 บาท/ปี










อันดับ 2 วิศวกรชีววิทยา
เงินเดือนเฉลี่ย 2,500,000 บาท/ปี













อันดับ 1 นักคณิตศาสตร์ประกันภัย
เงินเดือนเฉลี่ย 2,700,000 บาท/ปี




.
.
.